ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ด.ช. Sacha กับการดำน้ำครั้งแรกในชีวิต



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว......

ด.ช. Sacha Ulmer วัย 10 ขวบ ณ โรงเรียนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เขาเป็นเด็กนักเรียนที่ใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์ตามแบบของเด็กนักเรียนในวัยเดียวกัน  และแล้วเหตุการณ์หนึ่งก็เข้ามา 

.....ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเขาจนถึงวันนี้.....  

ที่โรงเรียนมีการประกวดวาดภาพ และรางวัลของผู้ชนะเลิศ คือ “หลักสูตรการเรียนดำน้ำ” 

ด.ช. Sacha ไม่รู้ว่าตัวเอง “อยากได้” รางวัลนั้นหรือไม่  แต่สิ่งที่เขารู้คือ....เขาอยากวาดภาพนั้นให้สวยที่สุด...และผลปรากฏว่า ด.ช. Sacha ได้รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง 

.....การหายใจใต้น้ำครั้งแรกในชีวิต...ได้เริ่มต้นขึ้น....

เขาเริ่มต้นเรียนดำน้ำที่ทะเลสาบประเทศสวิสเซอร์แลนด์  มันเป็นประสบการณ์ที่ต่อยอดชีวิตของเขา  ทำให้เขาอยากเรียนดำน้ำต่อไปเรื่อยๆ....ต่อไปเรื่อยๆ  .....ต่อไปเรื่อยๆ  

ด.ช. Sacha ชอบ “วาดรูป”  มันเหมือนกับที่เขาชอบ “วาดชีวิตตัวเอง”

เขาเติบโตขึ้นเป็นนาย Sacha Ulmer เขา "วาดชีวิต" ไว้ว่าเขาต้องการอยู่ในประเทศที่เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข....เขา “ใช้อาชีพนักดำน้ำ” เดินทางไปทั่วโลกเพื่อหาประเทศที่เขาต้องการอยู่....เขา ”ใช้อาชีพนักดำน้ำ” ทำงานสร้างเงินเพื่อเลี้ยงชีวิตได้อย่างพอเพียง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไป 35 ปี (พ.ศ.2556) เขาดำน้ำมาแล้วกว่า 8,000 ครั้ง เป็นครูสอนดำน้ำระดับ PADI Master Instructor (ถ้าเปรียบเทียบ คือ ดร.เรื่องดำน้ำ), เป็นเจ้าของธุรกิจดำน้ำ Dolphin Divers ที่เกาะช้าง จ.ตราด และเขาก็ค้นพบประเทศที่เขาต้องการอยู่  และอยู่ได้ด้วยความสุข....นั่นคือ....Thailand , ประเทศไทย

นาย Sacha ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยมากว่า 13 ปี (เริ่ม พ.ศ. 2543) เขามีรายได้ที่สามารถพึ่งพาตัวเองโดยไม่ต้องเป็นหนี้ธนาคาร.....เขา “วาดชีวิต” ให้มีความสุขในแบบที่เขาต้องการ

เพียงเพราะจุดเริ่มต้น....จากการ "ดำน้ำที่ทะเลสาบ" เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ

นิทานเรื่องนี้ไม่สอนให้รู้ว่าอะไร....แต่เราเรียนรู้ทัศนคติอะไรที่ซ้อนอยู่ในเหตุการณ์นี้ได้บ้าง
สิ่งที่ผู้เขียนมองเห็นได้อย่างชัดเจน  คือ  

1.คนทุกวัยในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ “ก้าวผ่าน” ความกลัวเรื่องดำน้ำอย่างหมดจด  กล่าวคือ
 
ครู – ที่โรงเรียน....ตั้งรางวัลการเรียนดำน้ำไว้เป็นรางวัลที่หนึ่ง  นั่นหมายความว่า  “ครู” ไม่มีทัศนคติว่าการดำน้ำเป็นเรื่องอันตรายสำหรับเด็ก  แต่ “ครู” มองว่าการดำน้ำจะเพิ่มประสบการณ์และทักษะให้กับเด็ก ไม่อย่างนั้น “ครู” คงไม่ตั้งรางวัลชนะเลิศเป็น “หลักสูตรเรียนดำน้ำ”!!!!

                พ่อแม่ , ผู้ปกครอง – ที่บ้าน....มีทัศนคติเช่นเดียวกันกับครู   ไม่เช่นนั่นพ่อแม่ของ ด.ช. Sacha คงไม่ปล่อยให้ลูกตัวเองวัย 10 ขวบ ไปดำน้ำแน่นอน !!!

                เด็กนักเรียน – ไม่มองว่าการดำน้ำเป็นเรื่องอันตราย  แต่มองว่าการดำน้ำเป็นเรื่องสนุกที่อยากทำ  ไม่เช่นนั้นคงไม่มีนักเรียนคนใดอยากวาดรูปให้สวย  เพื่อให้ได้รางวัลชนะเลิศ !!!

                !!!! สิ่งที่เรียนรู้ได้ข้อต่อไป !!!!!

2. ที่ใดมีน้ำ ที่นั่นเป็นแหล่งดำน้ำ
 
เราติดภาพที่ว่าการดำน้ำต้องเป็นที่ทะเลเท่านั้น  แต่การดำน้ำสามารถไปที่น้ำจืดได้ด้วย !!!
 
แหล่งน้ำทั่วโลกมีสภาพแวดล้อม , สิ่งมีชีวิต ฯลฯ ที่แตกต่างกันออกไป  เราสามารถไปดำน้ำได้ที่ทะเลสาบบนพื้น , ทะเลสาบบนภูเขา , ขั้วโลกเหนือ , ขั้วโลกใต้ , ทะเล , มหาสมุทร , ทุกที่ที่มีน้ำ (ถ้านึกถึงคลองบำบัดน้ำเสียก็ระวังอาการผดผื่นคันอาจตามมา)

                อาเซียนกำลังใกล้เข้ามา เมื่อ 10 ประเทศรวมตัวกัน  เราจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ : ขาดๆเกินๆอุตสาหกรรมดำน้ำไทย) จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนประเทศอินโดนีเซีย , ฟิลิปปินส์ ที่พูดภาษาอังกฤษได้ และดำน้ำเป็น  เข้ามาหางานเกี่ยวกับดำน้ำในประเทศไทย  หากเราส่วนใหญ่ยังไม่สามารถดำน้ำ  คนไทยต้องเสียโอกาสทางอาชีพไปมากเท่าไหร่....ก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน

3. ความฝัน  กับ เครื่องมือในการประกอบอาชีพ มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่วแน่
  
                อาชีพ.....กำหนดรูปแบบการใช้ชีวิตได้ถึง 80%  !!!!

ครู Sacha เคยทำงานอยู่ในออฟฟิศหน้าคอมพิวเตอร์กับเขาเหมือนกันนะ  ทำได้สองปีก็ลาออก  เพราะมันไม่ใช่ชีวิตในแบบที่เขาต้องการ  เขากลับมาทบทวนความต้องการในชีวิตใหม่อีกครั้ง  โดยที่ไม่นำคำพูดของคนอื่นมาครอบงำความคิดตัวเอง  

ใช่แล้ว !!! เขามีฝันอยากมีชีวิตอิสระ ไม่ทำงานติดแหงกอยู่บนโต๊ะ ได้อยู่ในประเทศที่เขาอยู่แล้วมีความสุข  .... เขาจึงกลับมา "ใช้" อาชีพ “นักดำน้ำ” เป็น "เครื่องมือ" นำพาความฝันของเขาให้บรรลุผลอีกครั้ง

ลองถามตัวเองดูว่า...วิถีชีวิตแบบไหนที่เป็นความฝันของเรา....และอาชีพที่เราทำอยู่นั่นมันตอบฝันเราได้หรือไม่....มากหรือน้อย....อย่างไร  

.....ถ้าไม่ใช่ก็เปลี่ยนมันซะ เชื่อซิว่าโลกนี้ไม่ยอมให้เราอดตายหรอก !!!!

                !!!! สิ่งที่ผู้เขียนเรียนรู้ได้ข้อสุดท้าย !!!!!

4.ทำให้นิทานสักเรื่อง  มี “ตัวเอก” เป็น “ตัวเรา” 
             
                 แล้วเอากลับมาเล่าให้ใครต่อใครฟัง  เชื่อซิว่านิทานเรื่องนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่สนุกมากอย่างแน่นอน....ทำให้นึกถึงคำพูดหนึ่งที่บอกว่า.....

“ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง....แต่มันคือการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก”
Life isn't about finding yourself….Life is about creating yourself.


.....สวัสดี.....