เชื่อหรือไม่ว่า
แค่เราดำน้ำเป็นก็สามารถแก้ไขปัญหาในประเทศไทยได้ถึง 3 เรื่อง คือ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
1. เศรษฐกิจ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่ประเทศไทยมีจุดดำน้ำติดอันดับของโลกเสมอมา แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์เต็มที่จากธุรกิจดำน้ำ กลับเป็น ชาวต่างชาติ
ส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมดำน้ำประเทศไทยนั่นเป็นของชาวต่างชาติไปแล้วมากกว่า 95% สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ คนไทยดำน้ำไม่เป็น จึงไม่ได้สนใจประกอบอาชีพในธุรกิจดำน้ำ (มีข้อมูลหนึ่งบอกว่าคนไทยดำน้ำเป็นประมาณ 20,000 คน !!!) คนไทยท้องถิ่นที่ประกอบอาชีพในธุรกิจดำน้ำแต่ดำน้ำไม่เป็น จึงทำอาชีพอย่างเช่น คนขับเรือ แม่บ้าน เป็นต้น ทั้งๆที่อาชีพนักดำน้ำมืออาชีพได้เงินดีกว่าตั้งเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Divemaster หรือ ครูสอนดำน้ำก็ตาม
สาเหตุที่สอง อาจะเป็นเพราะประเทศไทยไม่ได้มีกฏเกณฑ์ใดๆกับธุรกิจดำน้ำโดยเฉพาะ ไม่เหมือนประเทศมาเลเซีย อินโดฟิลิปปินส์ ที่ออกกฏหมายปกป้องอาชีพ Dive master ให้เป็นอาชีพสำหรับคนในประเทศเท่านั้น
ผลที่ตามมาก็คือ เมื่อไม่มีคนไทยดำน้ำเป็นเพื่อเข้าไปประกอบอาชีพในธุรกิจดำน้ำ เจ้าของธุรกิจชาวต่างชาติ จึงจ้างนักดำน้ำมืออาชีพชาวต่างชาติมาทำงานแทน ชาวต่างชาติหลายคนที่ทำงานก็ไม่ได้มีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกกฏหมาย แล้วอย่างนี้รัฐจะเก็บภาษีรายได้จากคนทำงาน ได้อย่างไร
ดังนั้นการที่คนไทยดำน้ำเป็นเพื่อประกอบอาชีพมากขึ้น จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ 3 เรื่องอย่างเห็นได้ชัดคือ
- แก้ปัญหาการจ้างงานอย่างผิดกฏหมาย ไม่ต้องมีชาวต่างชาติที่แอบทำงานอย่างไม่มีใบอนุญาต เพราะเจ้าของธุรกิจสามารถจ้างคนไทยมาทำงานได้ และทำใบอนุญาตให้เฉพาะชาวต่างชาติบางคนที่ต้องการทักษะจริงๆ เช่น ทักษะด้านภาษา
- แก้ปัญหาการแย้งงานคนท้องถิ่น เพราะทะเลอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว และหากคนรุ่นใหม่ที่มีบ้านติดกับทะเล ไม่อยากมาหางานทำในกรุงเทพ เขาก็สามารถสร้างรายรับจากอาชีพนักดำน้ำได้เช่นกัน
- แก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีรายได้ เมื่อคนไทยและชาวต่างชาติทำงานอย่างถูกกฏหมาย ประเทศก็จะสามารถจัดเก็บภาษีรายได้เข้าระบบเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน
2. สิ่งแวดล้อม
ทะเลเปรียบเหมือนออฟฟิศของนักดำน้ำ ถ้าทะเลเน่าจะมีใครที่ไหนอยากลงไปดำน้ำ และแน่นอนว่าธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม สปา ที่อยู่ใกล้แถวนั้นย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย
เราได้ยินมากับหู น้องๆที่ไปดำน้ำด้วยกันบอกว่า ชาวต่างชาติ Dive Leader เขาเหยียบปะการัง !!!! ได้ยินแล้วเจ็บช้ำหัวใจกระซิกๆ รู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลบอมบางขนาดไหนกว่าจะโตมาได้ถึงขนาดนี้ !!! แต่ชาวต่างชาติคนนั้นกลับเหยียบปะการังได้ลงอย่างไม่มีสำนึกของการเป็นนักอนุรักษ์ (แต่ชาวต่างชาติที่เขาระมัดระวังก็มีเช่นกันนะ ปกติของคนนั่นแหละมีทั้งดีและไม่ดี)
ดังนั้นจึงคิดขึ้นมาว่า มันจะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเป็นคนกำหนดสิ่งแวดล้อมของเราได้เอง สามารถออกมามีปากมีเสียงที่จะดูแลปกป้องอนุรักษ์ทะเลไทยของเราเอง
ชาวต่างชาติที่มาหาเงินในประเทศไทยแล้วก็กลับประเทศของตัวเองไปอาจไม่สามารถให้คุณค่าอะไรกลับมายังทะเลบ้านเราได้มากนัก
เพราะเขาไม่ได้อยู่ยาว อยู่แค่หาเงินช่วง High season
แต่ถ้าคนไทยเข้ามาทำอาชีพนักดำน้ำ เราอยู่ที่ประเทศไทยบ้านเราตลอดชีวิต พอเราทำงานหาเงินได้จากทะเล เราก็สามารถที่จะรวมกลุ่มกันออกไปเก็บขยะใต้ทะเล ปลูกปะการัง อะไรทำนองนี้ได้ ถ้าใครได้ลงไปดำน้ำจะรู้ว่าธรรมชาติใต้ท้องทะเลมันบอมบาง และ แข็งแกรงอย่างน่าอัศจรรย์มาก สิ่งมีชีิวิตใต้ทะเลไม่ได้ต้องการให้เราช่วยเหลือเขามากนัก เพียงแค่อย่าทำลายกันก็พอ
สิ่งแวดล้อมจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนถ้าคนที่สร้างรายได้จากธรรมชาติ เป็นคนที่ดูแลธรรมชาตินั้นด้วยตัวเอง
3. สุขภาพ
ระบบในร่างกายที่สำคัญที่สุดเพื่อการดำน้ำ คือ ระบบหายใจ และ ระบบหู ดังนั้นคนที่มีปัญหาในระบบนี้จะต้องให้แพทย์เป็นคนยืนยันว่าเราสามารถดำน้ำได้หรือไม่ เพราะอาการของแต่ละคนหนักเบาไม่เท่ากัน
จะเห็นได้ว่าร่างกายเป็นส่วนหลักสำคัญของกิจกรรมดำน้ำ ดังนั้นถ้าเราไม่ใส่ใจดูแลร่างกายให้แข็งแรง วันหนึ่งเราอาจหมดโอกาสที่จะดำน้ำก็ได้
กิจกรรมดำน้ำไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลขของอายุ น้ำหนักตัว ขอเพียงแค่เราสุขภาพยังแข็งแรงอยู่ จะอายุเท่าไร น้ำหนักตัวเท่าใด สายตาสั้นแค่ไหน ก็กระโดดลงดำน้ำได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ 2 คน
คนแรก เป็นน้องที่จะมาฝึกงานคนหนึ่งรูปร่างอ้วน แต่เพื่อให้ตัวเองได้ดำน้ำอย่างสะดวกสบายก็ไปลดน้ำหนักซะหุ่นดีเชียว (ย้ำอีกครั้งว่า น้ำหนักตัวไม่มีผลต่อการดำน้ำนะ จะอ้วนหรือผอมก็ดำน้ำได้ แต่น้องคนนี้เขามีแรงบันดาลใจอยากลดน้ำหนักเพื่อดำน้ำ)
คนที่สอง คุณลุงอลัน จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อายุ 60 กว่าปี เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่คุณลุงก็ยังฟิต ออกกำลังกายสม่ำเสมอให้ร่างกายแข็งแรงตลอดเวลา พร้อมกลับมาประเทศไทยเพื่อดำน้ำได้ทุกปี
ตัวอย่างที่ยกมานั้นเพื่อจะบอกว่า กิจกรรมดำน้ำ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงของการเป็นคนสุขภาพดีก็ยังได้ ไปจนถึงเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากสุขภาพดีก็ยังมี
เพราะถ้าเราสุขภาพดีแล้ว ของขวัญที่ล้ำค่าคือการได้กระโดดลงใต้ท้องทะเล เพื่อแหวกว่ายได้อย่างอิสระ ไร้เสียงรถ เสียงผู้คน มีแค่เพียงเสียงลมหายใจของเรา ที่ทำให้เราได้มองเห็นตัวเองที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติได้อย่างแจ่มชัดที่สุด....
.....พอมองไปถึงอาชีพ เมื่อดำน้ำดูแลลูกค้านักท่องเที่ยวเสร็จ กลับขึ้นฝั่งพร้อมรายได้.....ก็เท่านั้นเอง
ดำน้ำเมืองไทยกันไหม....ในบ้านของเราเอง
https://www.facebook.com/BangkokSeaEvents
http://www.scubadivingkohchang.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น