ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มีโอกาส....ฉวยโอกาส...ต่อยอดโอกาส


ใครมี “โอกาส” ได้ฝึกงานที่ศูนย์ดำน้ำบ้าง ???


ไม่ว่าใครจะตอบคำถามนี้ด้วยประโยคอะไร  ยังไงก็อยากให้ล้อมวงเข้ามาใกล้ๆ  บทความนี้ผู้เขียนอยากชวนนักศึกษาที่กำลัง “แสวงหาโอกาส” ในการดำน้ำ  มาฝึกงานด้วยกันที่ศูนย์ดำน้ำ Dolphin Divers เพราะนี่เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ “โครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ  คนไทยทำได้” ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมดำน้ำจากที่เป็นของชาวต่างชาติถึง 95% ให้เป็นของคนไทยมากขึ้นได้ในอนาคต

.............................

ถ้าใครติดตามในเฟสบุ๊คเพจ BangkokSeaEvents จะเห็นว่าเพจนี้พูดถึงนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 3 คนนี้บ่อยมาก
บอม.....สุรสีห์        สุพรรณทอง
ใหม่.....ธงชัย         ทิรักษ์
กบ......อดิศักดิ์       คงชาตรี

ที่พูดถึงบ่อยก็เพราะพวกเขาเป็นนักศึกษากลุ่มแรกของประเทศไทยที่ได้มาฝึกงานกับศูนย์ดำน้ำแบบครอบคลุมทั้งระบบของ  “ธุรกิจดำน้ำ”

ที่บอกว่าครอบคลุมทั้งระบบก็เพราะ....เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกงาน 3 เดือนในครั้งนี้  พวกเขาจะสามารถทำงานในธุรกิจดำน้ำได้แบบครบวงจรไล่ไปตั้งแต่ ช่างเทคนิคอุปกรณ์ดำน้ำ , นักขาย , นักดำน้ำมืออาชีพ , ผู้จัดการศูนย์ดำน้ำ หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจดำน้ำ 

อะไรมันจะทำได้ขนาดนั้น...ผู้เขียนโม้ป่าว !!!

….อยากเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งให้ฟัง

ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน Sacha ทำงานเป็นผู้จัดการศูนย์ดำน้ำที่มีชื่อเสียงในภูเก็ต  ตอนนั้นมีนักศึกษามาฝึกงาน 2 คน เวลาผ่านไป 2 สัปดาห์  นักศึกษาไม่มาฝึกงานอีกเลย  !!!  

ไม่ใช่เพราะ Sacha ไปทำอะไรมิดีมิร้ายเขานะ....เหตุผลก็เพราะสิ่งที่พวกเธอทำนั้นคือ

....นั่งอยู่ในออฟฟิศ  รอลูกค้าเข้ามา  ขายคอร์สดำน้ำ......นั่งอยู่ในออฟฟิศ  รอลูกค้าเข้ามา  ขายคอร์สดำน้ำ......นั่งอยู่ในออฟฟิศ  ไม่มีลูกค้าเข้ามา  ทำอะไรดี.....วนเวียนอยู่อย่างนี้ 2 สัปดาห์เต็มไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจาก........นั่งอยู่ในออฟฟิศ  รอลูกค้าเข้ามา  ขายคอร์สดำน้ำ......นั่งอยู่ในออฟฟิศ  ไม่มีลูกค้าเข้ามา  ทำอะไรดี..... 

แต่สำหรับ บอม , ใหม่ , กบ แล้วสิ่งที่พวกเขาทำ คือ.....  

เรียนดำน้ำ 5 หลักสูตร , ฝึกการใช้อุปกรณ์ดำน้ำ , ฝึกการว่ายน้ำ , ฝึกดำน้ำ , ฝึกการซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์ดำน้ำ ,  ฝึกการเป็นนักขาย , ฝึกภาษาอังกฤษ , ฝึกการสื่อสาร , ฝึกการจัดเตรียมอุปกรณ์เมื่อมีการออกทริปดำน้ำ , ฝึกทัศนะคติเชิงบวก , ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องและครอบคลุมใน “ธุรกิจดำน้ำ”

Sacha ยืนยันด้วยตัวเองว่า  ตอนนี้พวกเขามีความรู้มากกว่า นักดำน้ำมืออาชีพฝรั่งหลายๆคนซะอีก

โดยปกติ...ถ้าเราไปฝึกงานที่ศูนย์ดำน้ำ  สิ่งที่เจ้าของบริษัทไม่สูญเสียเงินก็คือให้นักศึกษาทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรียนดำน้ำ  ดังนั้นจึงไม่มีศูนย์ดำน้ำที่ไหนให้นักศึกษามาฝึกงานแล้วเรียนดำน้ำไปด้วย  ถ้าอยากเรียนก็จ่ายค่าคอร์สมาเดี๋ยวพี่จะสอนให้  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมันเป็นธุรกิจ 

แต่เพราะ  "โครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ  คนไทยทำได้"  ที่ Sacha ตั้งใจทำขึ้นมามัน "ไม่ใช่ระบบของธุรกิจเขาต้องการทำโครงการนี้เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมดำน้ำในประเทศไทยให้เป็นของคนไทย  Sacha จึงสอนนักศึกษาเรียนดำน้ำฟรีทั้ง 5 หลักสูตรเพื่อสามารถเป็นนักดำน้ำมืออาชีพระดับ Dive master  จากหลัก 100,000 กว่าบาท จึงเหลือเป็นหลัก 10,000 กว่าบาท  กล่าวคือนักศึกษาจ่ายเฉพาะค่าบัตรรับรองที่ต้องซื้อจาก PADI เท่านั้น

......................
 
ถ้าใคร “มีโอกาส” ได้เจอโครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ  คนไทยทำได้ ที่มหาวิทยาลัยไหน  ให้ยกมือดักควักมือเรียก  แล้วมาเรียนดำน้ำ...มาฝึกงานธุรกิจดำน้ำด้วยกัน

เมื่อจบการฝึกงานในครั้งนี้.....ก็ขึ้นอยู่กับนัก “ฉวยโอกาส”  แต่ละคนแล้วว่าจะไป “ต่อยอดโอกาส” ที่ได้ลงมือทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและประเทศไทยกันอย่างไร....ต่อไป

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รักเธอคนไทย ตอน Sacha Ulmer 2



                บทความก่อนหน้านี้เราได้ชี้แจ้งแถลงไขกันไปในเบื้องต้นแล้วว่า  “ทำไม...ค่าดำน้ำถึงมีราคาแพง”

                ในบทความนี้ผู้เขียนจึงมาเล่าให้ฟังกันต่อว่า  เราจะแก้ปัญหาเรื่องค่าดำน้ำแพงอย่างไรดี ???

                ..............

ถ้าค่าดำน้ำมีราคาแพง  เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไทยเรียนดำน้ำกันน้อย.......... Sacha เลยโผงขึ้นมาว่า  “งั้นก็สอนฟรีซะเลยซิ !!!! “ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ  “โครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ  คนไทยทำได้"

                Sacha Ulmer เขาเป็นฝรั่งหัวใจใหญ่  เงินไม่ค่อยมีหรอก  แต่อยากจะสอนดำน้ำฟรีให้คนไทยลูกเดียว 

                ความคิดในการทำโครงการครั้งแรก  เขามีไอเดียเกิดขึ้นว่า  อยากให้คนกรุงเทพได้เห็นใต้ท้องทะเล  เพื่อให้เกิดการปกป้องทะเล  เพราะเขามองว่าคนกรุงเทพเป็นส่วนหนึ่งที่ทิ้งขยะลงทะเลเช่นกัน  ถึงแม้จะไม่อยู่ใกล้แต่ขยะที่ถูกทิ้งลงทะเลพวกเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้อง  ถ้าคนกรุงเทพไม่ได้เรียนดำน้ำแล้วจะสัมผัสกับทะเลจะรักทะเล จนเกิดความรู้สึกปกป้องหวงแหนได้อย่างไร  

คุยกันไปคุยกันมา  ประกอบกับการหาข้อมูลธุรกิจดำน้ำในประเทศไทยด้วยว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง  

โอ้แม่เจ้า !!!!  

......ปรากฏว่าส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจดำน้ำในประเทศไทยเป็นของชาวต่างชาติถึง 95 % เป็นของคนไทยไม่ถึง 5 %  !!!!  ผู้เขียนเล่าข้อมูลนี้ให้ Sacha ฟัง  ปรากฏว่าเขามีอารมณ์อินมากกว่าผู้เขียนซะอีก  “95% farang , 5% Thai this is not normal , unfair for Thai people, we have to change this market for keep this money in Thailand and for Thai people...bla bla bla ฯลฯ ” (ถ้าใครเคยฟังเสียง Sacha จะรู้ว่าเวลาเขาพูดจะเสียงดังฟังชัดมาก  จนออกไปในอารมณ์ที่ว่า....นี่ไปโมโหใครมาหรือเปล่า....)

สุดท้ายเขาจึงฟันธงว่า  เรื่องเรียนดำน้ำต้องถูกบรรจุไว้ในระบบการศึกษา  เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศไทยสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดและเก็บเงินก้อนนี้ไว้ในประเทศ

ด้วยสายเลือดของความเป็นครู  เพราะก่อนหน้าที่จะมาอยู่เมืองไทยซึ่งตอนนี้ยาวนานแล้วถึง 13 ปี Sacha เป็นครูในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขารู้ว่าการจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคนได้คือ...ต้องเข้าไปสอน...เข้าไปให้เวลา...เข้าไปอธิบายให้ถูกต้อง...และสำหรับเรื่องดำน้ำกับคนไทยด้วยแล้วสิ่งที่ยากไม่ใช่การเรียนดำน้ำ  แต่มันคือทัศนะคติของคนไทยที่มีต่อเรื่องดำน้ำมากกว่า 

เขายกตัวอย่างเล่าให้ฟังว่า  ถ้าเด็กไปเล่นน้ำแล้วตกน้ำตาย  ผู้ใหญ่เห็นเลยกลัวแทนเด็ก  จึงออกนโยบายห้ามเด็กเล่นน้ำ  นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ  การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือต้องเข้าไปสอนเด็กให้ว่ายน้ำเป็น  ไม่ใช่ห้ามเด็กไม่ให้เล่นน้ำ 
เรื่องดำน้ำก็เป็นในแบบเดียวกัน  สิ่งสำคัญคือต้องมีคนให้โอกาสให้เด็กได้ลองทำ  ไม่ใช้ห้ามเด็กไม่ให้ทำ  แต่ปัญหาคือไม่มีใครยอมสละเวลาเข้าไปสอน  ดังนั้นเขาจะสอนเอง....

Sacha เขายินดีที่จะเข้าไปสอนดำน้ำให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและหาผู้สปอนเซอร์มาสนับสนุนโครงการ

เข้าไปสอนฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย !!!  ใครๆก็ชอบอยู่แล้ว  แต่เรื่องหาผู้สปอนเซอร์นี่ซิงานเข้าอีกแล้วข้าพเจ้า

ปรากฏว่าบริษัทส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายในด้านนี้  จึงไม่สามารถให้งบสนับสนุนได้  (แต่เราก็ขอขอบคุณผู้สปอนเซอร์ใจดีที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์สำหรับนักศึกษาคะ)

เอาหล่ะคะ  ที่นี่ไม่มีเงินจากผู้สปอนเซอร์แน่ๆในปีนี้  Sacha  เลย บอกว่า “งั้นคิดค่าใช้จ่ายกับนักศึกษาเฉพาะค่าบัตรรับรองจาก PADI แล้วเขาจะสอนให้ฟรีจนถึงการเป็นนักดำน้ำมืออาชีพระดับ Dive master เพื่อนักศึกษาจะได้ประกอบอาชีพในธุรกิจดำน้ำได้”   มาอีกแล้ว  ฝรั่งหัวใจใหญ่คนนี้  จะสอนฟรีให้ได้ลูกเดียวเลย

ถ้ามองง่ายๆ ในมุมของฝ่ายได้รับ...ใครๆก็ชอบของฟรีกันทั้งนั้น  แต่ในมุมของคนทำงานหล่ะ...วิธีบริหารจัดการให้ตัวเองมีกำลังเงินนั่นเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกันที่จะทำให้โครงการดีๆไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน เนื่องจาก Sacha พักอยู่ที่เกาะช้าง  เวลาเข้ามาสอนที่กรุงเทพเขาต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปกลับเกาะช้าง , ค่าห้องพัก , ค่า taxi ในกรุงเทพ เป็นต้น และเมื่อนิสิตนักศึกษามาฝึกงานหรือเรียนดำน้ำต่อเนื่องที่เกาะช้าง  เขายังเช่าห้องพักไว้ให้อีก รวมถึงค่าน้ำมันเรือ , ค่าคนขับเรือ ที่เขาไม่ยอมเก็บเงินเพิ่มจากนักศึกษาด้วย

                ผู้เขียนแค่คิดว่าในเมื่อเขามี “ใจ” เพื่อคนไทยขนาดนี้แล้ว  เราก็น่าจะมีวิธีการบริหารจัดการให้เขาได้มีทุนทำประโยชน์เพื่อประเทศไทยด้วย....เช่นกัน

                 Sacha พูดเสมอว่า  เขาไม่ต้องการรวยจากการทำโครงการนี้  แต่เขาต้องการเห็นคนไทยกลุ่มรุ่นใหม่ New generation ได้เข้าไปสร้างรายได้ในธุรกิจนี้...เข้าไปเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจดำน้ำของ....”ประเทศไทย”....

.......ติดตามตอนต่อไป.....

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รักเธอคนไทย ตอน Sacha Ulmer 1



มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง....

มีใครรู้จักชาวสวิสที่ชื่อ Sacha Ulmer ไหม ??? ถามแบบนี้ใครจะไปรู้จักจริงม่ะ ก็เขาไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ , ไม่ใช่นายแบบชื่อดัง และไม่ใช่นักธุรกิจร้อยล้าน  แต่ถ้าจะให้ถามด้วยประโยคอื่นก็คงจะไม่มีใครรู้จักอยู่ดี  เอาเป็นว่าเขาเป็นคนๆ หนึ่งที่อยากมอบโอกาสที่ดีมากๆ ให้กับคนไทย และยืนยันได้ว่าคนไทยไม่เคยได้รับโอกาสนี้มาก่อน 

ผู้เขียนเลยอยากเอาเรื่องของผู้ชายคนนี้มาเล่าให้ฟัง

แต่ก่อนจะเล่าถึงเขา  ขอถามก่อนว่ามีใครเคยเรียนดำน้ำกันมาบ้าง...สำหรับคนที่เคยเรียนแล้วขอแสดงความยินดีด้วย  เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ต้องเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ  ถ้าเล่าต่อ  ความสวยงามใต้ท้องทะเล  ความน่าตื่นเต้นของการเรียนดำน้ำจะลดลงไป 90% เรื่องแบบนี้ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ 

สำหรับคนที่อยากเรียนแต่ยังไม่เคย  คำถามคือแล้วทำไมไม่เรียนสักทีหละ  เราอาจจะมีเหตุผลให้กับตัวเองว่าว่ายน้ำไม่เป็น , กลัวผิวดำ , กลัวปะการังทิ่มขา , กลัวสารพัดกลัว แล้วอะไรอีกดีนะ  อ้อ !! สายตาสั้น ไม่มีเวลา  

ผู้เขียนยังไม่ตอบปัญหาเหล่านั้นในบทความนี้  แต่มันมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไทยเรียนดำน้ำน้อยมากๆ น้อยกว่า 1% ของจำนวนคนไทยทั้งประเทศ  นั่นคือเรื่องของ  “ค่าดำน้ำมีราคาแพง”  

                ทำไมค่าดำน้ำถึงมีราคาแพง  ก็เพราะว่าต้นทุนการดำน้ำมันสูงนะสิ  ยกตัวอย่างเช่น 
ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ เช่น ชุดดำน้ำ BCD ราคาก็อยู่ระหว่าง 10,000 – 30,000 บาท แล้ว  ถ้าอุปกรณ์ดำน้ำแบบครบเซตเอาแบบเกรดกลาง ๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณ... 50,000 – 60,000 บาท  (ไม่ได้บอกว่าผู้เรียนดำน้ำต้องซื้อนะ ศูนย์ดำน้ำมีบริการให้อยู่แล้ว นอกซะจากว่าเราอยากจะซื้อไว้เป็นของตัวเอง)

ค่าน้ำมันเรือ ยกตัวอย่างเรือ speed boat ขับพาไปดำน้ำ 2 dive ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท 

ค่า Dive master , ค่าครูสอนดำน้ำ , ค่าบัตรรับรอง (certificate) ที่ต้องซื้อจากองค์กรดำน้ำต้นสังกัด 

เป็นต้น

ดังนั้นการดำน้ำที่มีต้นทุนจึงทำให้คอร์สที่เขาขายกันราคาสูงตามไปด้วย  แต่เขาก็คุมราคาไม่ให้สูงต่ำเกินกันมาก ขึ้นอยู่กับบริการของแต่ละศูนย์ดำน้ำ

แต่อยากบอกอยู่อย่างหนึ่งว่า  ถ้าใครจะเรียนดำน้ำต้องดูดีๆเรื่องราคา  เพราะศูนย์ดำน้ำบางที่บอกราคาไว้ถูก  แต่มีหมายเหตุไว้ว่า ราคานี้ไม่รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเรือ ค่าใช้จ่ายในการออกสอบภาคทะเล ฯลฯ การซื้อหลักสูตรดำน้ำจึงต้องถามให้ครบว่าต้องมีอะไรที่ต้องจ่ายเพิ่มไหม และราคาเท่าไหร่ที่ต้องจ่ายเพิ่ม
เล่ามาซะนานยังไม่ได้พูดถึงนาย Sacha Ulmer เลย  บทความนี้อยากจะเล่าให้ฟังก่อนว่าทำไมค่าดำน้ำถึงมีราคาแพง  

ติดตามตอนต่อไปกันนะ.....  

เพราะผู้ชายคนนี้แหละที่จะทำให้ธุรกิจดำน้ำของประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง