บทความก่อนหน้านี้เราได้ชี้แจ้งแถลงไขกันไปในเบื้องต้นแล้วว่า “ทำไม...ค่าดำน้ำถึงมีราคาแพง”
ในบทความนี้ผู้เขียนจึงมาเล่าให้ฟังกันต่อว่า เราจะแก้ปัญหาเรื่องค่าดำน้ำแพงอย่างไรดี ???
..............
ถ้าค่าดำน้ำมีราคาแพง เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไทยเรียนดำน้ำกันน้อย..........
Sacha เลยโผงขึ้นมาว่า “งั้นก็สอนฟรีซะเลยซิ !!!! “ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “โครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ คนไทยทำได้"
Sacha
Ulmer เขาเป็นฝรั่งหัวใจใหญ่ เงินไม่ค่อยมีหรอก แต่อยากจะสอนดำน้ำฟรีให้คนไทยลูกเดียว
ความคิดในการทำโครงการครั้งแรก เขามีไอเดียเกิดขึ้นว่า อยากให้คนกรุงเทพได้เห็นใต้ท้องทะเล เพื่อให้เกิดการปกป้องทะเล เพราะเขามองว่าคนกรุงเทพเป็นส่วนหนึ่งที่ทิ้งขยะลงทะเลเช่นกัน ถึงแม้จะไม่อยู่ใกล้แต่ขยะที่ถูกทิ้งลงทะเลพวกเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าคนกรุงเทพไม่ได้เรียนดำน้ำแล้วจะสัมผัสกับทะเลจะรักทะเล จนเกิดความรู้สึกปกป้องหวงแหนได้อย่างไร
คุยกันไปคุยกันมา ประกอบกับการหาข้อมูลธุรกิจดำน้ำในประเทศไทยด้วยว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง
โอ้แม่เจ้า !!!!
......ปรากฏว่าส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจดำน้ำในประเทศไทยเป็นของชาวต่างชาติถึง
95 % เป็นของคนไทยไม่ถึง 5 % !!!! ผู้เขียนเล่าข้อมูลนี้ให้ Sacha ฟัง ปรากฏว่าเขามีอารมณ์อินมากกว่าผู้เขียนซะอีก “95% farang , 5% Thai this is not normal , unfair for Thai people, we have to change this market for keep
this money in Thailand and for Thai people...bla bla
bla ฯลฯ ” (ถ้าใครเคยฟังเสียง Sacha จะรู้ว่าเวลาเขาพูดจะเสียงดังฟังชัดมาก
จนออกไปในอารมณ์ที่ว่า....นี่ไปโมโหใครมาหรือเปล่า....)
สุดท้ายเขาจึงฟันธงว่า
เรื่องเรียนดำน้ำต้องถูกบรรจุไว้ในระบบการศึกษา เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศไทยสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดและเก็บเงินก้อนนี้ไว้ในประเทศ
ด้วยสายเลือดของความเป็นครู เพราะก่อนหน้าที่จะมาอยู่เมืองไทยซึ่งตอนนี้ยาวนานแล้วถึง 13
ปี Sacha เป็นครูในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เขารู้ว่าการจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคนได้คือ...ต้องเข้าไปสอน...เข้าไปให้เวลา...เข้าไปอธิบายให้ถูกต้อง...และสำหรับเรื่องดำน้ำกับคนไทยด้วยแล้วสิ่งที่ยากไม่ใช่การเรียนดำน้ำ แต่มันคือทัศนะคติของคนไทยที่มีต่อเรื่องดำน้ำมากกว่า
เขายกตัวอย่างเล่าให้ฟังว่า ถ้าเด็กไปเล่นน้ำแล้วตกน้ำตาย ผู้ใหญ่เห็นเลยกลัวแทนเด็ก จึงออกนโยบายห้ามเด็กเล่นน้ำ นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือต้องเข้าไปสอนเด็กให้ว่ายน้ำเป็น ไม่ใช่ห้ามเด็กไม่ให้เล่นน้ำ
เรื่องดำน้ำก็เป็นในแบบเดียวกัน สิ่งสำคัญคือต้องมีคนให้โอกาสให้เด็กได้ลองทำ ไม่ใช้ห้ามเด็กไม่ให้ทำ แต่ปัญหาคือไม่มีใครยอมสละเวลาเข้าไปสอน ดังนั้นเขาจะสอนเอง....
Sacha เขายินดีที่จะเข้าไปสอนดำน้ำให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและหาผู้สปอนเซอร์มาสนับสนุนโครงการ
เข้าไปสอนฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
!!!
ใครๆก็ชอบอยู่แล้ว แต่เรื่องหาผู้สปอนเซอร์นี่ซิงานเข้าอีกแล้วข้าพเจ้า
ปรากฏว่าบริษัทส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายในด้านนี้ จึงไม่สามารถให้งบสนับสนุนได้ (แต่เราก็ขอขอบคุณผู้สปอนเซอร์ใจดีที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์สำหรับนักศึกษาคะ)
เอาหล่ะคะ
ที่นี่ไม่มีเงินจากผู้สปอนเซอร์แน่ๆในปีนี้ Sacha
เลย บอกว่า “งั้นคิดค่าใช้จ่ายกับนักศึกษาเฉพาะค่าบัตรรับรองจาก
PADI แล้วเขาจะสอนให้ฟรีจนถึงการเป็นนักดำน้ำมืออาชีพระดับ
Dive master เพื่อนักศึกษาจะได้ประกอบอาชีพในธุรกิจดำน้ำได้”
มาอีกแล้ว
ฝรั่งหัวใจใหญ่คนนี้
จะสอนฟรีให้ได้ลูกเดียวเลย
ถ้ามองง่ายๆ
ในมุมของฝ่ายได้รับ...ใครๆก็ชอบของฟรีกันทั้งนั้น แต่ในมุมของคนทำงานหล่ะ...วิธีบริหารจัดการให้ตัวเองมีกำลังเงินนั่นเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกันที่จะทำให้โครงการดีๆไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน
เนื่องจาก Sacha พักอยู่ที่เกาะช้าง เวลาเข้ามาสอนที่กรุงเทพเขาต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปกลับเกาะช้าง , ค่าห้องพัก , ค่า taxi ในกรุงเทพ เป็นต้น และเมื่อนิสิตนักศึกษามาฝึกงานหรือเรียนดำน้ำต่อเนื่องที่เกาะช้าง เขายังเช่าห้องพักไว้ให้อีก รวมถึงค่าน้ำมันเรือ , ค่าคนขับเรือ ที่เขาไม่ยอมเก็บเงินเพิ่มจากนักศึกษาด้วย
ผู้เขียนแค่คิดว่าในเมื่อเขามี
“ใจ” เพื่อคนไทยขนาดนี้แล้ว เราก็น่าจะมีวิธีการบริหารจัดการให้เขาได้มีทุนทำประโยชน์เพื่อประเทศไทยด้วย....เช่นกัน
Sacha พูดเสมอว่า เขาไม่ต้องการรวยจากการทำโครงการนี้ แต่เขาต้องการเห็นคนไทยกลุ่มรุ่นใหม่ New
generation ได้เข้าไปสร้างรายได้ในธุรกิจนี้...เข้าไปเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจดำน้ำของ....”ประเทศไทย”....
.......ติดตามตอนต่อไป.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น