ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

Wreck Dive เรือหลวงช้าง ประสบการณ์ใหม่ที่คุณต้องลอง!!!!


ระดับความลึก 22.8 เมตร กับกระแสน้ำเอื่อยๆเย็นสบายของใต้ทะเลเกาะช้าง  และแล้วเราก็มาดำน้ำต่อหน้าซากเรือจมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย !!!

.....เรือหลวงช้าง HTMS Chang Wreck.....
.
.
ประสบการณ์ดำน้ำ wreck dive  ครั้งนี้ บอกเลยว่า ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวล !!!!

กังวล ที่จะต้องดำน้ำลึกๆ ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ........ ตื่นเต้น ที่จะได้ไปที่ใหม่ๆ ที่ใครๆก็เล่ากันว่ามันสวยมาก ......... สนุก ที่จะได้ดำน้ำเล่นใกล้กับฝูงปลาแบบที่ไม่เคยมาก่อน

“เรือหลวงช้าง” เรือนี้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ เป็นเรือที่มีประวัติโชกโชนเลยทีเดียว มันดูโอเว่อร์เนาะ 555+ แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะ ถ้าอยากรู้จักเรือหลวงช้างเราต้องย้อนนนนนนนเวลาไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ^o^  

เรือหลวงช้าง มีชื่อฝรั่งเหมือนกันนะ เพราะเขามีบ้านเกิดที่สหรัฐอเมริกา เดิมมีชื่อว่าลินคอร์น เคาน์ตี้ แอล. เอส. ที 898 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นในตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือนี้เข้าร่วมภารกิจทำการรบในหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่โอกินาวา ไปจนกระทั่งการบุกเมืองอินชอน ประเทศเกาหลี

อ้าว !! แล้วเรือนี้มาอยู่ประเทศไทยได้ไง ?? เรื่องมันมีต่อคะ....

จับกระโดงเรืออย่างฉ่ำเย็น

ต่อมากองทัพเรือของสหรัฐ ได้มอบให้มาใช้ในภารกิจของกองทัพเรือไทยเพื่อขนอาวุธยุทโธปกรณ์ทำการสู้รบในสงครามเกาหลี  เมื่อสงครามสิ้นสุดลง  เรือหลวงช้างก็ได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติในบทบาทใหม่ กับ ภารกิจพลิกฟื้นคืนความสมบูรณ์ให้ทะเลตราด

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2555  เรือหลวงช้างได้นำมาจมลงสู่พื้นทะเลตราดอย่างสงบนิ่ง ภายใต้โครงการ “เรือหลวงช้างรักษ์ทะเลตราด” เพื่อเป็นแหล่งพลิกฟื้นคืนความสมบูรณ์ให้กับธรรมชาติของท้องทะเล เป็นบ้านให้ปลาและแนวปะการังเทียม

จากโครงสร้างเรือขนาดใหญ่ที่มีความกว้างถึง 15 เมตร ยาว 100 เมตร สูงถึง 26 เมตร ซึ่งเปรียบเทียบแล้วมีขนาดใหญ่เกือบจะเท่ากับสนามฟุตบอลมาตรฐานกันเลยทีเดียวค่าาาาา!!!!

เรือที่นอนจมอยู่ในความลึกถึง 30 เมตร กับเกียรติประวัติการเป็นเรือจมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับนักดำน้ำระดับ Advanced open water diver ถ้าเพื่อนๆยังเรียนไม่ถึง  ก็เรียนให้ถึงจิ  จะได้ไปกัน ><

ไม่อยากจะบอกถึงความสวยงาม และความอลังการของที่นี่เลยค่ะ เพราะมันสวยและอลังการจนไม่สามารถบรรยายได้ขนาดภาพถ่ายและคำพูดยังสาธยายได้ไม่เท่าสายตาที่เห็น  ^o^ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตมากมายมาอาศัยอยู่โดยรอบ ทั้งหมึกกระดอง หมึกกล้วย ปลาค้างคาว ปลาใบมีดโกน และอื่นๆอีกมากมาย ลองคิดภาพตามนะคะ

“ตัวคุณ” อยู่ท่ามกลางฝูงปลาฝูงใหญ่ “สายตาคุณ” ได้เพลิดเพลินไปกับการมองปลาชนิดต่างๆที่ว่ายผ่านไปมา “หู” ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของตัวเองที่ทำให้รู้สึกดีและสงบอย่างบอกไม่ถูก

นอกจากที่คุณจะได้สัมผัสฝูงปลาแล้ว คุณยังจะได้สัมผัสกับความอลังการของเรือ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามและขนาดของมัน ตอนที่ลงไปนี่แบบโห!!! ใหญ่แหะ!!! (อารมณ์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ของความใหญ่มหึมา)

พอดำน้ำลงไปก็จะเจอ

..........ดาดฟ้าของเรือสูง 21 เมตร
..........ห้องบังคับเรือของกัปตันเรือที่ด้านท้ายเรือสูง 12 เมตร
..........เสากระโดงเรืออยู่ที่ความลึก 12 เมตร จนเกือบถึงผิวน้ำ
..........และบวกด้วยความยาวเฉพาะตัวเรืออีก 100 เมตร

อยากบอกว่าช่วงแรกๆที่ลงก็ปกติ มีกังวลเล็กๆ ว่าจะดำน้ำได้ดีไหม แต่พอลงไปเห็นความสวยงามและความอลังการของซากเรือจมเท่านั้นแหละ  ทำให้ลืมเรื่องที่กังวลไปเลย มันสวยจนละสายตาไม่ได้จริงๆ

วันที่ลงไปดำนั้น ไปได้แค่ทางท้ายเรือเพราะทางหัวเรือมีกระแสน้ำที่แรง เราเลยเลือกที่จะไปในส่วนของท้ายเรือแทนค่ะ เป็นไงล่ะค่ะ อลังการไปอี้กกกกกกกก ^o^

........มีใครให้มากกว่านี้มั้ยคะ??? 55555+

จะว่าไป wreck dive เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลยก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่นักดำน้ำส่วนใหญ่ใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งจะต้องได้มา!!!! ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น >< และแล้ววันนี้ฝันก็เป็นจริงค่าาาาาาา ^^ สมใจอยากแล้ว และผู้เขียนขอบอกเลยว่าจะไม่จบแค่ครั้งเดียว .....มันจะต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน ^o^

See you again ......เรือหลวงช้าง HTMS Change Wreck….
.
.
Writing by Mint

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

ขอลองดำน้ำสักครั้ง แม้ว่ายน้ำไม่เป็น !!!


ก่อนอื่นต้องขอบคุณก่อนเลย ขอบคุณซาซ่าทีให้โอกาสได้เรียนดำน้ำ ขอบคุณซาซ่าที่ให้เขียนจดหมายบรรยายความรู้สึกว่ามาฝึกงานกับบริษัท Dolphin Divers ป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรและหลังจากวันนั้นที่เขียนบรรยายความรู้สึกไ ซาซ่าก็เดินมาบอกว่า…….

“แพทและกุ้งพรุ่งนี้ไปเรียนดำน้ำนะ ฉันจะเป็นคนสอนพวกคุณเอง

ความรู้สึกแรกที่ได้ยินนะหรอ?

ดีใจมากกกกกกกก มากจนไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยทีเดียว พอเลิกงานุ๊ปรีบโทรหาแม่เลย รีบเล่าให้แม่ฟัง ทั้งเล่า ทั้งตื่นเต้น หลังจากเล่าให้แม่ฟังเสร็จปุ๊ แม่ก็รัวคำถามจนตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว

.....แม่ก็ถามเลยว่าว่ายน้ำไม่เ็นไม่ใช่หรอ?
....แล้วจะเรียนดำน้ำได้หรอ?
.....แพทไม่กลัวหรอ?
.....ไม่กลัวจมน้ำหรอ?
.....ถังก๊าซหนักนะจะไหวหรอ?


แม่ก็รัวคำถามจนไม่สามารถตอบได้หมด ไม่ใช่ตอบไม่หมดเรียกว่าไม่ได้ตอบแม่เลยจะดีกว่า พอแม่ถามแบบนั้นก็มานั่งคิดสักพัก เราจะทำได้หรอว่ะ เราว่ายน้ำไม่เ็นนี่หว่า แต่อีกใจหนึ่งก็แย้งขึ้นมาทันทีเลยว่า

ฉันทำได้…. ใจฉันบอกว่าฉันทำได้

พอหลังจากคุยกับแม่เสร็จก็โทรไเล่าให้เพื่อน ให้ตากับยายฟังทุกคนถามคำถามเดียวกันกับแม่ทั้งนั้นเลยและฉันก็ตอบทุกคนเลยว่า

..... แพททำได้!!

หลังจากคุยกับทุกคนเสร็จก็ได้แต่เฝ้ารอ รอว่าเมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้เช้า เมื่อไหร่จะถึงเวลาเรียนของฉัน!! และอยากจะบอกว่าตลอดทั้งคืนนอนไม่หลับเลยเพราะตื่นเต้นมากฮ่าๆ….

พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็เตรียมความพร้อมและรอให้ถึงเวลาเรียนก็เท่านั้น พอถึงเวลาเรียนซาซ่าบอกให้รอแปหนึ่งเพราะติดสอน Dive Master อยู่ คุณสามารถเล่นน้ำรอได้นะ ซาซ่าบอก บอกมาอย่างนั้นก็ถูกใจแพทละซิเพราะแพทชอบเล่นน้ำอยู่แล้ว ฮ่าๆ (เป็นคนที่ชอบเล่นน้ำ แต่ว่ายน้ำไม่เป็น น่าแปลกดีแฮะ)

......พอถึงเวลาเรียนจริงๆตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ขั้นตอนแรกซาซ่าก็สอนวิธีการใช้อุกรณ์ดำน้ำว่าใช้ยังไง? ใส่ยังไง? หลังจากนั้นซาซ่าก็สอนวิธีการหายใจ บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก มากจนรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงมากๆ

......ตื่นเต้นจนตัวสั่น.....

ซาซ่าเห็นเราตัวสั่น ซาซ่าบอกไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่ข้างๆคุณ ฉันก็ได้แต่ยิ้มและก็บอกโอเค (แต่ในใจอยากจะบอกมากๆว่าไม่ได้กลัวหรือกังวลแต่ตื่นเต้นมากๆต่างหาก ฮ่าๆ) พอเรียนเสร็จซาซ่าก็บอกว่าคุณเก่งมาก และถามต่อว่า มีความสุขไหม? ตอบแบบดังๆเลยว่า

มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆ


ขอบคุณซาซ่าที่สอนดำน้ำ ขอบคุณที่มอบระสบการณ์ดีๆให้ ขอบคุณมากๆค่ะ
.
.
Writing by Pat

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

อยากฝึกงานดำน้ำ แต่ไม่มีเพื่อนมา เต๋าช่วยได้ !!!


เต๋า-สุรศักดิ์  ชาติรักวงศ์ นิสิตสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ด้วยบุคลิกอย่างหนุ่มฟรุ้งฟริ้งจึงทำให้มองดูแล้วไม่น่าจะมาฝึกงานดำน้ำ แต่เต๋าก็มา !! แถมมาคนเดียวอีกด้วย !!!! โดยที่ไม่มีเพื่อนในแก๊งค์มาด้วย  นอกจากนั่นเต๋าไม่ใช่แค่มาฝึกงานให้ผ่านไปวันๆ เขายังมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ คอยถามตลอดว่ามีงานอะไรให้ทำบ้าง  ทำความสะอาดเรือ  เติมถังอากาศ ทำความสะอาดอุปกรณ์  ว่ายน้ำ 300 เมตร เต๋าก็ทำมาหมดแล้วด้วยความตั้งใจ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ทำความรู้จักกับหนุ่มฟรุ้งฟริ้งคนนี้ได้ยังไง

1.บุคลิกเต๋าไม่น่าจะมาฝึกงานไกด์ดำน้ำ ทำไมถึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
เต๋า - ถ้าเอาคำตอบแบบง่ายๆ เลยเวลาใครถามก็จะบอกไปว่า เบื่อกรุงเทพแล้ว เบื่อรถติด เบื่อคนเยอะ เบื่อต่อแถวรถไฟฟ้าตอนชั่วโมงเร่งด่วน อยากไปใช้ชีวิต สโลว์ไลฟ์บนเกาะ อารมณ์ประมาณหนีรักมาพักร้อน 555555 และอีกอย่างไม่ต้องอยู่บ้านเพื่อนตั้ง 4 เดือนแหนะ อิอิ แต่ถ้าเอาเป็นแบบเป็นการเป็นงานหน่อยก็จะบอกว่า การมาฝึกงานครั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจ คือได้ฝึกงานเป็นไกด์ดำน้ำ ซึ่งแตกต่างจากการฝึกงานที่อื่นๆ เพราะจะต้องทำงานโรงแรมก็ทำงานโรงแรม 4 เดือน หรือ ถ้าเป็นบริษัทท่องเที่ยวก็จะเป็นบริษัทท่องเที่ยวไปเลย 4 เดือน แต่ถ้าเลือกที่นี่ก็จะได้สลับกันอย่างละ 2 เดือน

2.เห็นบอกว่ามาคนเดียวแบบไม่มีแก็งค์มาด้วย มันดีหรือไม่ดียังไง
เต๋า - บอกก่อนว่าส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง บางทีชอบอยู่คนเดียว สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้ และไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกับใครใหม่บ่อยๆ ทีนี้พอมาฝึกงานที่เกาะช้าง การไม่ได้มากับกลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเองก็ไม่ได้มีผลกระทบกับตัวผมสักเท่าไหร่นะ แถมอีกอย่างได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนต่างกลุ่มมากขึ้นเพราะบางคนที่มาฝึกงานที่เกาะช้าง ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแทบจะไม่ได้คุยกันเลยก็มี มันถือเป็นข้อดีใช่ไหม 5555


3.การฟังบรรยายจากโครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ คนไทยทำได้ ให้แรงบันดาลใจอะไรกับเราบ้าง
เต๋า - อย่างแรกเลย แรงบันดาลใจในเรื่อง การตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ 5555 เพระว่าตอนนั้นจำได้ว่ามีการพูดถึงแนวโน้มของนักท่องเที่ยวทั้งจากโซนไกลและโซนใกล้ประเทศเราจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพราะ ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งทางบกและทางน้ำ หรือตั้งแต่เหนือลงใต้ เรียกว่าเที่ยวได้เกือบทั้งปี
แรงบันดาลใจอีกอย่างก็คือ อยากเป็นไกด์ดำน้ำ เพราะซาช่าพูดอยู่เสมอว่า อาชีพทางทะเลทำรายได้ให้ประเทศไทยค่อนข้างสูง แต่อาชีพนี้ส่วนมากแล้วล้วนแต่เป็นชาวต่างชาติ อีกอย่างชาวต่างชาติพวกนี้ทำแบบผิดกฎหมายด้วย ซึ่งเราเป็นคนไทยแท้ๆแต่ทำไมไม่ได้มีส่วนร่วมในอาชีพนี้ละ ก็เลยอยากลองมาเรียนดำน้ำในครั้งนี้ดู

มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม และสองเรา 55


4.อุปสรรคใหญ่ของการมาฝึกงานไกด์ดำน้ำคืออะไร และเต๋าจัดการมันอย่างไร
เต๋า - ระยะทาง 55555 ฟังไม่ผิดหรอก เพราะว่ามันไกลจากบ้านค่อนข้างมาก ต่อให้มีโลกส่วนตัวสูงแค่ไหนก็มีอารมณ์คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวบ้าง แต่พอคิดถึงระยะทางที่ต้องนั่งรถกลับแล้ว ถึงกับหายอยากเลยทีเดียว บางคนบอกสมัยนี้นั่งเครื่องบินสิแปปเดียวก็ถึงแล้ว โถ่ๆๆๆ สนามบินที่นี้มีแค่ สายการบินเดียวและไม่มีรอบให้เลือกมากนัก แถมค่ารถไปสนามบินก็แสนแพง อีกทั้ง ทำงานวันหยุดก็น้อย ถ้าจะต้องกลับบ้านให้คุ้มที แทบจะต้องทำงานทั้งเดือนแบบไม่หยุดพักเพื่อแลกวันหยุดสะสมกลับบ้าน ซึ่งวิธีแก้ไขหรอ ก็มี เฟสไทมกลับไปที่บ้านบ่อยๆ ก็ช่วยให้หายคิดถึงบ้านและครอบครัวไปบ้างได้เหมือนกัน แต่อุปสรรคอันนี้มันมีข้อดีซ่อนอยู่นะ เพราะว่ามันทำให้เรารู้ว่าเราคิดถึงใครและอยากเจอใครมากที่สุด นั้นก็คือคนที่บ้านนั่นแหละ ซึ้งไหมละ 55555

5.การฝึกงานของเราจะมีทั้งรีสอร์ทและดำน้ำ การฝึกงาน 2 อย่างพร้อมกันอย่างนี้ ส่งผลดีหรือไม่ดี อย่างไร
เต๋า - พูดถึงผลดีก่อนละกัน โดยส่วนตัวได้ฝึกงานฝั่งรีสอร์ทก่อน พูดได้เลยว่ามันเป็นงานค่อนข้างหนักและมีรายละเอียดเยอะ ซึ่งมันก็ทำให้เราต้องตั้งใจทำงานและมีระเบียบวินัยในตัวเองไปโดยปริยาย อีกทั้งยังต้องเคารพกฎต่างๆด้วยเพราะเวลาทำผิดเราจะไม่ได้โดยคนเดียวจะโดนตั้งแต่หัวหน้า พี่ผู้ช่วย เลย แน่นอนว่ามันฝึกความอดทนได้ดีมาก ซึ่งก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า ตัวเองจะมีความอดทนมากมายขนผ่าน 2 เดือนนั้นมาได้ พอมองย้อนกลับไปถือเป็นประสบการณ์ที่ดี อย่างหนึ่งเลย

พอมาฝึกงานดำน้ำดูเหมือนจะได้ผ่อนคลายมากขึ้นเล็กน้อยกว่าตอนฝึกแม่บ้าน แต่เหมือนกับสองเดือนที่ผ่านมาเราอยู่ในกฎที่แอบเคร่งครัดมาตลอด อย่างเช่น ตอนนั่งขายคอร์สอยู่ริมสระที่โรงแรม ถึงแม้ว่ามันจะดูว่างมากๆจนน่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสะเหลือเกิน แต่จิตใต้สำนึกมันก็ยังทำงานและคอยเตือนอยู่ตลอดว่ามันผิดกฎนะ หรือถ้าหัวหน้าแผนกต่างๆมาเห็นจะดูเราได้(ชุดหัวหน้าจะต่างจากพี่พนักงาน) ก็เลยทำให้เราได้โฟกัสกับการทักทายลูกค้าแทน หรือบางทีก็ศึกษารายละเอียดคอร์สเพิ่มเติมไว้เอาไว้ตอบลูกค้าได้คล่องขึ้น

6.เต๋าจะเอาทักษะทั้ง 2 อย่างที่ได้ฝึกงานมาไปต่อยอดอาชีพอย่างไรได้บ้าง
เต๋า - ในการฝึกงานดำน้ำมีทั้งการเรียนดำน้ำและการทำงานออฟฟิต แน่นอนว่าในอนาคตถ้าเราไม่ได้ไปเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำ เราอาจไปเปิด Dive supply เอง หรืออาจจะเป็นบริษัททัวร์ ที่ทำ contact กับบริษัทดำน้ำ เรายังมีความรู้ทางด้านงานออฟฟิตที่ส่วนมากเป็นการทำสื่อต่างๆออกมาเพื่อโปรโมทสินค้า การทำ PR ในช่วงที่คู่แข่งหลากหลายและลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นทำให้เราเรียนรู้ช่องทางในการที่จะทำให้ลูกค้าสนใจในสินค้าของเรา

7.เต๋าจะเอาทักษะการดำน้ำไปต่อยอดชีวิตยังไงบ้าง
เต๋า - ถ้ามีโอกาสในการเรียนได้เป็นถึงขึ้น Dive master แน่นอนว่าต้องมีทักษะการดำน้ำที่ดีประมาณหนึ่ง ถ้าถึงในตอนนั้นก็อาจจะเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เป็นครูสอนดำน้ำหรือสามารถเปิดโรงเรียนดำน้ำได้เองให้มีการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจ

8.ฝากบอกสำหรับเพื่อนที่อยากเข้าร่วมโครงการฯ แต่ยังโลเลเพราะไม่มีเพื่อนมา
เต๋า - ถ้ากลัวว่ามาฝึกงานที่นี่แล้วจะเหงาเพราะไม่มีเพื่อน ลืมไปได้เลยเพราะว่าที่นี่มีเพื่อนจากสถาบันอื่นๆ มาร่วมฝึกงานที่นี่ด้วย ดังนั้นคุณจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างสถาบัน ได้เพื่อนใหม่ๆ ด้วย ดีไม่ดี อาจมีเพื่อชาวต่างชาติมาเรียนคุณก็จะได้ฝึกภาษาอังกฤษ ไปในตัวเหมือนกับผม
อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกเพื่อนๆก็คือ อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าร่วมโครางการก็เรื่องค่าใช้จ่าย  เพราะถูกลง (เยอะมาก) ปลื้มมากข้อนี้ เพราะแต่ละคอร์สที่เรียน ถ้าเป็นการ walk-in มาเองจะมีราคาที่สูงมาก  และถ้าคุณรักทะเล ทะเลเกาะช้างจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลย

อย่ารอช้า โครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ คนไทยทำได้ ปีที่ 7/2562 รออยู่!! ใครอยากฝึกงานท่องเที่ยวดำน้ำอย่างเต๋า สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ => https://bangkokseaevent.wordpress.com/joinus/divingindustrythaiscandoit/

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

เกิดอะไรขึ้นที่นั่น !!! Reef Watch กับ เทรนนีทั้ง 9 คน

คุณณัฐวัชร์  คำเสน  นักวิชาการเผยแพร่ กรมทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่ง (เสื้อสีดำ)
คุณเพชรรุ่ง  สุขพงษ์   กรรมการเครือข่ายอันดามันเหนือ (เสื้อสีเขียว)
Mr.Sacha Ulmer ผู้ก่อตั้งโครงการอุตสาหกรรมดำน้ำ คนไทยทำได้
และนักศึกษาในโครงการฯ จากสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม คณะสังคมศาสตร์ มศว
................................................................

ในระหว่างการฝึกงานที่เกาะช้างแห่งนี้ นอกจากจะได้ฝึกงานในส่วนของโรงแรมและธุรกิจดำน้ำแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ผมและเพื่อนๆ อีก 8 คนได้มีโอกาสได้ทำร่วมกันก่อนฝึกงานจบ นั่นก็คือ การเข้าร่วมอบรม และ Work Shop กับพี่เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

ในหัวข้อ อาชีพไกด์ดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ทะเลไทยแห่งอาเซียน(ภายใต้โครงการกรีนฟินส์) เมื่อวันที่ 6 – 7  เมษายนที่ผ่าน  ณ โรงแรม The Emerald Cove เกาะช้าง จ.ตราด

ความรู้สึกตอนแรกที่เห็นกำหนดการ ยอมรับว่า ตัวเองไม่ได้มีความอยากจะไปร่วมฟังสักเท่าไหร่ เพราะดูเป็นวิชาการมากกกกกกกกกกกกกกกก จนมาสะดุดกับกำหนดการวันที่ 2 ที่เห็นว่ามีได้ไปดำน้ำ ก็เริ่มเอนเอียงเบาๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าดำน้ำเพื่อไปทำอะไร รู้แค่ดำน้ำก็เลย อะๆๆๆ ลองไปดูละกัน


น้องคิดว่า ปะการังเป็นสัตว์หรือเป็นพืช คำถามแรกจากพี่วิทยากร ใครคิดว่าเป็นพืชยกมือขึ้น!!!  

ผมยกมือสุดแขน

พี่ขอเฉลยว่า .... เป็น....สัตว์ค่า+++

พอได้ยินคำตอบเท่านั้นแหละ ผมนี่ตาสะพรึงโตเป็นไข่ห่านเลย อะไรกันปะการังเป็นสัตว์หรอ การฟังบรรยายครั้งนี้ชักจะไม่ธรรมดาแล้วสิ !!!

ตามนั้นแหละครับเจ้าปะการังเป็นสัตว์ หน้าตาหลากหลายแตกต่างกันออกไป ที่น่าตะลึงไปมากกว่านั้นสำหรับผม คือ บางชนิดสามารถเคลื่อนที่ได้ !!!

......พระเจ้า ไม่เคยรู้มาก่อนเลย......

นอกจากชนิดของปะการังที่พี่ๆได้อธิบายให้ผมฟัง ก็ยังมีเรื่องการปลูกจิตสำนึกให้เรารักท้องทะเลของเรามากขึ้น เช่น การทิ้งขยะ ผมเอง และเพื่อนๆ หลายคนอาจจะเคยคิดว่า ขยะเล็กน้อยแค่นี้ชิ้นเดียวไม่เป็นไรหรอก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อาจจะไม่ผิด แต่แน่นอนว่า สำหรับเจ้าสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ ที่ต้องมาได้รับผลกระทบจากขยะเหล่านี้ เช่น ปูเสฉวน ที่ต้องอาศัยคอขวดที่แตกมาเป็นบ้านสุดท้ายก็ต้องตายเพราะไม่มีที่บังความร้อน หรือสัตว์อีกหลายๆตัวที่ต้องจบชีวิตลงด้วยขยะ เพื่อนๆ คงได้คำตอบกันนะครับว่า ขยะเล็กน้อยแค่นี้ชิ้นเดียวมันไม่เป็นอะไรจริงไหม

มาถึงกิจกรรมหลักของการอบรมครั้งนี้ คือ การบรรยายเรื่อง Reef Watch พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการดูคุณภาพปะการังว่ายังมีสุขภาพดีอยู่ไหม ลักษณะของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลเป็นเช่นไรบ้าง พื้นที่ส่วนมากประกอบด้วยอะไรบ้าง และทำการบันทึกผล และส่งกลับเข้าไปเก็บในฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการจัดการกับปะการังในอนาคตต่อไป

ซึ่งพวกเราถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกออกไปทำ Reef Watch ที่บริเวณหินราบเหนือ ส่วนกลุ่มพวกผมได้ทำReef Watch ที่บริเวณหินสามสาว

จากการเก็บสะสมประสบการณ์การดำน้ำมาทั้งหมด 4 ไดรฟ์ (เหมือนจะเยอะ ฮ่าๆๆๆ ) สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าพัฒนาขึ้นคือการควบคุมการทรงตัวและลมหายใจได้ดีขึ้น ซึ่งทักษะนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าควบคุมได้ไม่ดีเราอาจไปสัมผัสเจ้าปะการังซึ่งสุดท้ายมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากเราควบคุมการลอยตัวไม่ได้

หลังจากที่ทุกคนสำรวจเสร็จและขึ้นมาบนผิวน้ำในใจคิดว่า ทำไมเราไม่เห็นปะการังที่ฟอกขาวหรือเจ็บป่วยเลย แต่ยังไม่กล้าพูดเพราะมันเป็นการทำ Reef Watch ครั้งแรก กลัวดูผิด แต่ปรากฏว่า พี่จากกรมทรัพฯ ก็บอกเหมือนกับเราว่า ปะการังที่นี่ยังไม่พบเจอการฟอกขาว หรือป่วย หรือพบก็น้อยมากแทบจะไม่พบเลย ซึ่งก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับพวกเรา

หลังจากเสร็จสิ้นการดำน้ำ ขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งข้อมูลกลับ ทำการคีย์ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ถกเถียง ....ฮ่าๆๆ  ..... เรียกว่า หารือกับเพื่อนๆ ดีกว่า กลับไปยังฐานข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคตต่อไป


สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่ๆ จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ได้มาให้ความรู้และร่วมดำน้ำเพื่อทำ Reef Watch ไปพร้อมๆ กับพวกเราด้วย อยู่กับเราตั้งแต่เริ่มจนจบทั้ง 2 วันเลย ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่น่าจดจำอีกหนึ่ง ฝากถึงเพื่อนๆ ให้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับ Reef Watch หรือลองติดต่อทางพี่ๆ เพื่อขอข้อมูล เพราะเมื่อเพื่อนๆสามารถทำ Reef Watch เป็น เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็สามารถเป็นอีกหนึ่งแรงกำลังในการช่วยดูแลเจ้าปะการังของเราได้
.
.
Writer by Tao